วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Review รีวิว iPhone 4 ไอโพน4 เจาะลึก จุดเด่น เปรียบเทียบ สัดส่วน iPhone 2G iPhone 3Gs iPhone 4

ขอขอบคุณ http://www.siampod.com





ซ้ายไปขวา : iPhone, iPhone 3GS และ iPhone 4

ซ้ายไปขวา : iPhone, iPhone 3GS และ iPhone 4

รูปร่างหน้าตาของ iPhone 4 ยังคงเป็นทรงแท่งเหลี่ยมคล้ายรุ่นเดิม โดยด้านหน้ามีหน้าจอขนาด 3.5 นิ้ว เหนือหน้าจอไปเล็กน้อยนอกจากมีช่องลำโพงสำหรับสนทนาโทรศัพท์ยังมีจุดเล็ก ๆ ทางด้านซ้ายมือนั้นคือกล้องถ่ายรูป โดยความสามารถของกล้องถ่ายรูปด้านหน้าจะอยู่ในระดับ VGA (640×480 พิกเซล) ด้านข้างอย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่ากรอบตัวเครื่องโลหะสีเงินด้านข้างเป็น เสาอากาศไปในตัว สำหรับด้านหลังตัวเครื่องหลังจากใน 2 รุ่นที่ผ่านมา (3G, 3GS) ทำเป็นหลังโค้งหลังเต่า พอเป็น iPhone 4 ทำเป็นด้านหลังแบนราบคล้ายรุ่นดั้งเดิม โดยมีกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช LED ดวงเล็ก ๆ ติดอยู่ด้านบนมุมซ้าย สำหรับวัสดุชั้นนอกสุดทั้งด้านหน้าและด้านหลังของตัวเครื่องเป็นกระจกดัง นั้นก็ควรระวังการตกกระแทกให้ดี เพราะโอกาสร้าวหรือแตกสามารถเกิดขึ้นได้สูง
สำหรับหน้าตาโดยรวมสำหรับ iPhone 4 ส่วนตัวแล้วไม่ได้ปลื้มอะไรมากนัก เพราะการดีไซน์ไม่ได้ฉีกไปจากเดิมสักเท่าไหร่
หน้าจอ
อย่างที่ทราบกันดีว่าหน้าจอ iPhone 4 ชัดจริงคมจริงเมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งเมื่อนำ iPhone 4 มาเทียบกับ iPod touch 4G พบว่าสีบนหน้าจอ iPhone4 จะเข้มกว่าเล็กน้อย ส่วนเรื่องสีเพี้ยนหรือไม่เมื่อเอียงจอพบว่าการแสดงสีบนหน้าจอ iPhone 4 ยังแสดงสีได้ถูกต้องเมื่อเอียงเกือบถึงระนาบ 180 องศา ส่วน iPod touch 4G เอียงเครื่องในลักษณะเดียวกันหน้าจอจะติดอมฟ้า ส่วนหน้าจอของ iPhone 3GS ก็เพี้ยนเช่นกันเมื่อเอียงหน้าจอในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ถึงขนาด iPod touch 4G
เรื่องสีเพี้ยนไม่เพี้ยนเอาเข้าจริงในการใช้งานทั่วไปเราคงไม่ได้เอียง เครื่องเพื่อจับผิดเรื่องสีอะไรอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องเป็นกังวลอะไรไปมากมายนัก
สำหรับความคมชัดของ Retina Display อย่างที่ทราบกันดีว่าสามารถแสดงผลได้ชัดสมราคาคุยจริง ๆ โดยเรื่องนี้ได้เขียนถึงไปหลายครั้งแล้ว ขอไม่เอ่ยถึงให้เสียเวลาก็แล้วกัน
ด้านความแรง
สำหรับ iPhone 4 ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ iOS มีสเป็คดีที่สุดในปัจจุบันเพราะนอกจากซีพียู A4 ความเร็ว 1 GHz แล้วแรมก็มีถึง 512 MB ซึ่งมากกว่า iPad และ iPod touch 4G ที่มีอยู่ 256 MB อีกด้วย สำหรับในการใช้งานจริงถ้าเทียบกันระหว่าง iPhone 4 กับ iPhone 3GS ก็ถือว่าความเร็วความแรงห่างกันเยอะพอสมควร ส่วนถ้าเทียบกันระหว่าง iPhone 4 กับ iPod touch 4G ถือว่าประสิทธิภาพไม่หนีกันเท่าไหร่
เสียงจากลำโพงและการสั่น

สำหรับเสียงจากลำโพง iPhone 4 ผมนำมาเปรียบเทียบ 3 เครื่องได้แก่ iPhone 4, iPhone 3GS และ iPod touch 4G ซึ่งในที่นี้จะเปรียบเทียบจากเสียงริงโทน โดยผลที่ได้พบว่าเสียงจากลำโพง iPhone 4 เสียงที่เคลียร์กว่า iPhone 3GS เล็กน้อย ส่วนความดังของเสียงส่วนตัวถือว่าให้เสียงดังได้พอ ๆ กัน ส่วน iPod touch 4G ก็ตามสภาพอย่างที่ได้เห็นและได้ยินจากวิดีโอ
ด้านการสั่นเท่าที่เปรียบเทียบระหว่าง iPhone 4 กับ iPhone 3GS พบว่าการสั่นของ iPhone 3GS แรงกว่า iPhone 4 อย่างเห็นได้ชัด ถ้าให้เปรียบเทียบการสั่นของ iPhone 4 คงประมาณเดียวกับ iPhone รุ่นแรกที่อยู่ในกระเป๋าแล้วแทบไม่รู้สึก แต่ยังโชคดีที่เสียงริงโทนค่อนข้างเสียงดังทำให้ทดแทนเรื่องการสั่นเบาลงไป ได้บ้าง
เสียงจากการฟังเพลง
เท่าที่ทดสอบพบว่า iPhone 4 ให้เสียงที่ใสขึ้นเมื่อเทียบกับ iPhone 3GS แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเสียงที่ดีขึ้นก็ไม่ได้รู้สึกได้แบบชัดเจนอะไรนัก
กล้องถ่ายรูป
รับซื้อ iPod iPhone iPad BB PSP NDSL โน้ดบุ้ค MP3 อุปกรพกพาต่างๆ
ร้อนเงิน อยากขายอยากเปลี่ยนรุ่น มาทางนี้ครับ ผมรับซื้อครับ

รับซื้อ iPod iPhone iPad BB PSP NDSL โน้ดบุ้ค MP3 mp4 กล้อง อุปกรพกพาต่างๆ ทุกชนิด

ทุกรุ่น ทุกเจน ทุกสภาพ ของครบ ไม่ครบ เรารับซื้อหมดนะครับ
ใช้งานปกติ/ไม่ปกติ สภาพภายนอกยังไงแบบใหน
บอกราคาที่อยากขายมาได้

โทรมาคุยได้ 08-0055-2124 อิฐ เจ้าเก่า
นัดรับใน กทม. :-* สถานที่นัดไกล้-ไกลคุยกันได้


ราคาแล้วแต่ต้องการครับ
โทรมาคุยราคาได้เลยอยากได้เท่าไรว่ามาเลยครับ
สามารถเสนอราคาเองได้เลยนะครับ ราคาคุยกันได้เลย คุยง่ายคับ
ปล.รับเรี่อยๆ รับตลอด นะครับ เสนอเข้ามาได้เลยครับ
สำหรับฟีเจอร์ด้านถ่ายรูปถือว่าถูกปรับปรุงจากเดิมมากพอสมควร เริ่มจากความละเอียดของกล้องหลักทางด้านหลังเครื่องที่เพิ่มเป็น 5 ล้านพิกเซล (iPhone 3GS 3 ล้านพิกเซล) มาพร้อมแฟลชแบบหลอด LED ที่ให้ความสว่างได้มากพอสมควร ส่วนกล้องด้านหน้าความละเอียดเมื่อเทียบกับกล้องหลังแล้วต่างกันฟ้ากับ เหวอยู่เหมือนกัน โดยความละะเอียดของกล้องด้านหน้าอยู่แค่ระดับ 3 แสนพิกเซลเท่านั้น
หน้าจอขณะถ่ายรูปภาพ iPhone 4 (ซ้าย) และ iPhone 3GS (ขวา)
ด้านการการถ่ายรูปด้วยความที่มีกล้องทั้งด้านหลังและด้านหน้าทำให้ขณะ ถ่ายรูปเราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้กล้องด้านไหนถ่ายรูปจากการกดสลับกล้องที่ ต้องบนหน้าจอ โดยกล้องด้านหลังเท่าที่ได้ลองใช้ถือว่าเก่งขึ้นจากเดิมเมื่อเทียบกับ iPhone 3GS พอสมควรเช่นเรื่องการปรับ White Balance ที่ทำได้แม่นยำขึ้นกว่าเดิม, การโฟกัสวัตถุทำได้รวดเร็วมากขึ้น เป็นต้น สำหรับกล้องด้านหน้าแม้จะความละเอียดน้อย แต่อานิสงค์เรื่องความเก่งต่าง ๆ ก็ได้มาด้วยอย่างเช่น White Balance ที่ทำได้ดีกว่าบนกล้องด้านหน้าของ iPod touch 4G สำหรับระบบออโต้โฟกัสกล้องด้านหน้าจะไม่มีมาให้แต่อย่างใด
และแม้จะเปิดตัวในไทยช้า(มาก) แต่ก็ถือว่ามีเรื่องที่ให้พูดถึงได้เพิ่มเติมอีกอย่างนั้นคือฟีเจอร์ HDR ที่เพิ่งมีใน iOS 4.1 ซึ่งฟีเจอร์นี้เองจะทำให้รูปที่คุณถ่ายชัดเจนขึ้น
HDR คืออะไร
รูปถ่ายย้อนแสง (ปกติ)

รูปถ่ายย้อนแสง (HDR On)
HDR หรือ High Dynamic Range คือการถ่ายแบบคร่อม 3 รูป โดยตัวกล้องจะประมวลรูปภาพทั้งภาพปกติ , ภาพที่แสงน้อย และภาพที่แสงเยอะ แล้วนำมารวมกันเป็นภาพเดียวทำให้ภาพที่ได้จะมีความชัดขึ้นในเรื่องของราย ละเอียดเช่นการถ่ายย้อนแสงที่ปกติท้องฟ้าก็จะเป็นสีขาวโพลน ซึ่งเมื่อเปิดใช้ HDR ภาพท้องฟ้าก็จะมีทั้งส่วนที่เป็นสีฟ้าของท้องฟ้าและสีขาวของก้อนเมฆ สำหรับการถ่ายภาพในร่มการเปิดใช้ HDR จะช่วยเรื่องแสงที่ตกกระทบบนหน้าแล้วเกิดเงาจากการถ่ายปกติ ก็จะกลายเป็นว่าแสงที่ตกมาและเกิดเป็นเงาบนใบหน้าจางลง เป็นต้น
รูปถ่ายเปลวเทียน (ปกติ)
รูปถ่ายเปลวเทียน (HDR On)
และข้อดีอย่างที่ชอบมาก ๆ สำหรับ HDR คือสามารถถ่ายรูปเทียนที่โดยปกติกล้องมือถือจะถ่ายได้แค่แสงไฟจากเปลวเทียน รอบข้างมืดหมด แต่พอเปิดใช้ HDR พบว่านอกจากแสงจากเปลวเทียนแล้วก็ยังสามารถเห็นรายละเอียดรอบข้างได้อีกด้วย
สำหรับการถ่ายรูปและเปิดใช้  HDR จะมีข้อด้อยอยู่เล็กน้อยคือกดถ่ายรูปเสร็จจะรอนานกว่าปกติ เพราะตัวกล้องจะทำการประมวลผลภาพที่เพิ่งถ่ายออกมาเพื่อเป็นภาพที่ใช้ HDR โดยรูปที่ถ่ายได้จะมี 2 รูปคือรูปปกติและรูปที่เปิดใช้ HDR
รูปถ่าย (ปกติ)
รูปถ่ายที่เปิดใช้ HDR จะเห็นว่าภาพไม่สามารถซ้อนกันได้ถูกต้อง

ส่วนจุดบกพร่องเมื่อเปิดใช้ HDR คือการถ่ายตอนกลางคืนที่บางครั้งอาจจะเจอปัญหาว่ารูปที่เป็น HDR จะมีภาพซ้อนกันหรือเรียกง่าย ๆ ว่ารูปเบลอ ซึ่งเมื่อกลับไปดูรูปปกติก็ไม่เบลอแต่อย่างใด โดยในเรื่องนี้เข้าใจว่าการถ่ายภาพในที่มืดมากและวัตถุที่ถ่ายมีแสงจ้า ซอฟท์แวร์ไม่สามารถคำนวณการซ้อนภาพได้
ด้านการถ่ายระยะใกล้เท่าที่ทดสอบ iPhone 4 สามารถถ่ายระยะได้ใกล้ที่สุดราว ๆ 10 เซนติเมตร ซึ่งเท่าที่ทดสอบถ้าชิดเข้าไปอีกวัตถุที่ต้องการถ่ายจะเริ่มเบลอ ๆ ไม่สามารถโฟกัสภาพได้
การถ่ายภาพพร้อมเปิดแฟลชบน iPhone 4 เท่าที่ทดสอบถือว่าประสิทธิภาพอยู่ในระดับกลาง ๆ ระยะหวังผลสำหรับแสงแฟลชอยู่ในระยะไม่เกิน 1.5 เมตร ส่วนรูปที่ได้ถ้าเป็นการถ่ายรูปบุคคลอาจพบว่ามีตาแดง (Red Eyes) จากการเปิดใช้แฟลชอยู่บ้างเหมือนกัน ทั้งนี้การแก้ตาแดงคงต้องรอดูว่าแอปเปิ้ลจะออกซอฟท์แวร์มาช่วยเรื่องนี้หรือ ไม่
สำหรับคุณภาพของรูปที่ถ่ายจากกล้องด้านหลังของ iPhone 4 โดยรวมถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของกล้องบนโทรศัพท์มือถือด้วยกันเลยทีเดียว รายละเอียดในภาพที่ถ่ายด้วย iPhone 4 ถ้าเทียบกับภาพที่ได้จาก iPhone 3GS ถือว่าประสิทธิภาพของกล้องจาก iPhone 4 ทำได้ดีขึ้นเยอะมาก
การถ่ายวิดีโอ
สำหรับการถ่ายวิดีโอใน iPhone 4 สามารถถ่ายแบบ 720p ได้อย่างเดียวไม่สามารถเลือกถ่ายที่ความละเอียดต่ำกว่าได้ สำหรับคุณภาพของไฟล์วิดีโอที่ถ่ายจาก iPhone 4 คงต้องแบบเป็นกลางวันและกลางคืนดังนี้
สำหรับการถ่ายวิดีโอในเวลากลางวันหรือในสถานที่ ๆ มีแสงเพียงพอ คุณภาพไฟล์ที่ได้จัดว่าดีทีเดียว การเก็บเสียงจากไมโครโฟนถือว่าทำได้ดีกว่าบน iPod touch 4G พอสมควร
การถ่ายวิดีโอตอนกลางคืนหรือในที่ ๆ มีแสงไม่เพียงพอ กรณีที่ไม่เปิดไฟช่วยถ่ายภาพที่ได้น่าจะพอนึกออกว่ามืด ส่วนการถ่ายพร้อมเปิดไฟช่วยถ่ายจัดว่าอยู่ในระดับที่รับได้ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ถ้าเป็นสถานที่ ๆ มืดมาก ๆ เช่นในงานปาร์ตี้การเปิดไฟช่วยถ่ายจะทำให้มีการสะท้อนแสงที่ดวงตาของผู้ที่ ถูกแสงส่องไปทำให้ภาพที่ได้ไม่สวยสักเท่าไหร่
สำหรับขนาดไฟล์วิดีโอจากการถ่ายด้วย iPhone 4 ในเวลา 1 นาทีตก 80 MB เทียบกับไฟล์จากกล้อง Panasonic GF1 ในเวลาเท่าๆ กัน 1 นาทีตก 140 MB ส่วนบิตเรทของไฟล์จาก iPhone 4 อยู่ที่ 10.7 mbits/s ส่วนของ GF1 บิตเรตอยู่ที่ 19.58 mbits/s
FaceTime
สำหรับ FaceTime หรือการโทรศัพท์แบบเห็นหน้านั้นแอปเปิ้ลเปิดให้โทรผ่านทาง Wi-Fi เพียงอย่างเดียวนั้น วิธีการจะต่างกับ iPod touch 4G เล็กน้อยคือ บน iPhone 4 เราจะใช้เบอร์โทรศัพท์เป็นการยืนยันตัวตนแทนการใช้อีเมลแบบใน iPod touch 4G ทั้งนี้ยังไม่ทราบว่าในอนาคตแอปเปิ้ลจะเปิดให้ iPhone 4 สามารถใช้อีเมลยืนยันตัวตนได้หรือไม่
ด้านการใช้ FaceTime เท่าที่ได้ใช้ถือว่าภาพที่เราเห็นทำได้น่าพอใจเป็นอย่างมาก เรื่องเสียงของทั้งลำโพงและไมโครโฟนถ้าอยู่ในบ้านหรือในห้องสามารถยกตัว เครื่องห่างออกไปสุดแขนก็ยังได้ยินเสียงคู่สนทนาอยู่ และในทางกลับกันเสียงเราก็ยังชัดเจนอยู่แม้ตัวเครื่องจะอยู่ห่างออกไปสุดแขน ก็ตาม
สำหรับภาพจากกล้องด้านหน้าและด้านหลังเมื่อใช้ FaceTime ก็มีความแตกต่างเช่นกัน โดยกล้องด้านหน้าจะไม่มีการปรับโฟกัสของภาพให้ ส่วนกล้องด้านหลังจะมีการปรับโฟกัสให้อัตโนมัติ
สำหรับจุดด้อยของ FaceTime คือระบบยังไม่สมบูรณ์อย่างเช่นเมื่อโทรสวนกันบางทีก็สามารถต่อติดกันได้ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถต่อได้และไม่ขึ้นว่าปลายทางสายไม่ว่าง และบางครั้งต่อไม่ติดก็มีข้อความขึ้นมาให้เห็นว่าสายไม่ว่าง หรือในบางครั้งเมื่อโทรหาปลายทางก็ไม่ปรากฏว่ามีการโทรด้วย FaceTime ในครั้งแรก ประมาณว่าต้องโทรไปบางครั้งไม่ติดต้องโทรซ้ำอีกครั้งถึงจะติด และในบางครั้งก็โทรติดเร็วและสามารถเชื่อมต่อได้เร็ว คาดว่า FaceTime คงต้องปรับปรุงเรื่องพวกนี้อีกพักใหญ่กว่าจะเข้าที่เข้าทาง
แบตเตอรี่
เท่าที่ใช้งาน iPhone 4 มาราว ๆ  3 อาทิตย์กว่า พบว่าแบตเตอรี่ก็ยังหมดประมาณเดียวกับการใช้ iPhone 3GS โดยส่วนตัวแล้วแทบไม่รู้สึกว่าแบตเตอรี่ของ iPhone 4 ดีขึ้นกว่าเดิมแต่อย่างใด

สรุปสำหรับ iPhone 4 โดยรวมดีขึ้นกว่าเดิมมากพอดู ถือว่าเป็น iPhone ที่ฉีกมาจากในช่วง 2 รุ่นหลังสุดพอสมควรทั้งในเรื่องการออกแบบและความครบเครื่อง สำหรับฟีเจอร์อย่าง FaceTime คงต้องดูกันยาว ๆ อีกสักนิดว่าแอปเปิ้ลจะปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน เรื่องกล้องถ่ายรูปเชื่อว่าจะทำให้หลายคนอาจเลิกพกกล้องคอมแพ็กกันบ้างไม่ มากก็น้อย
ราคา :
เครื่องพร้อมแพ็กเกจ*
  • 16GB – 20,650 บาท
  • 32GB – 23,900 บาท
เครื่องเปล่า*
  • 16GB – 22,250 บาท
  • 32GB – 26,000 บาท
*ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น