วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Review รีวิว แกะกล่อง iPod touch Gen4 iPod nano Gen6 และ iPod shuffle Gen4 Review รีวิว แกะกล่อง iPod touch Gen4 iPod nano Gen6 และ iPod shuffle Gen4 2010

iPod shuffle
เริ่มแรกกันที่น้องเล็กอย่าง  iPod shuffle กันก่อน โดยที่แพคเกจด้านนอกที่มาในรูปแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ ก็ทำได้สวยงามและกระทัดรัดดีมาก จากนั้นผมก็ได้เริ่มทำการแกะกล่องเพื่อดูว่าข้างในมีอะไรให้บ้าง ก็จะพบกับสายหูฟังขดอยู่ข้างในพร้อมสาย data ที่ใช้เชื่อมต่อผ่านช่องแจ๊ค 3.5 มม. นั่นเอง

อยากขาย ipod มาทางนี้ครับ ผมรับซื้อครับ ติดต่อ 08-0055-2124 อิฐ
รับซื้อ ipod touch Nano
Shuffle Classic VDO photo B/W เสียก็รับ ซื้อหมด ให้ราคาสูง 
เจนไหนก็ได้ ก็ได้ รับหมด ใช้งานปกติ สภาพภายนอก ok เสนอราคามาสนใจโทรกลับ

ติดต่อ 08-0055-2124 อิฐ นัดรับในเขต กทม. :-*
 ราคาแล้วแต่ต้องการครับ โทรมาคุยราคาได้เลยอยากได้เท่าไรว่ามาเลยครับ
สามารถเสนอราคาเองได้เลยนะครับ ราคาคุยกันได้เลย คุยง่ายครับ
รับซื้อตลอดเวลานะครับ โทรเข้ามาได้เลยครับ
รวมถึง รับซื้อ Notebook Netbook เครี่องเล่นเกม PSP NDS NDSL PS2 เราก็ รับซื้อ ด้วยครับ

ขอบคุณ http://www.thaimacupdate.com




มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง ที่ผมได้มาลองคือ iPod shuffle สีเงิน ซึ่งต้องบอกว่าสวยงามอลังการกว่าที่จินตนาการใว้เยอะ เพราะความที่มันเงางาม ตัดกับปุ่มแบบวงแหวนสีดำทำให้ดูขรึม เท่ ไปอีกแบบ โดยด้านบนมีปุ่มสำหรับเลื่อนเพื่อเปิดเครื่องและสามารถเลือกที่จะเล่นแบบต่อ เนื่องเรียงเพลง หรือ shuffle สมชื่อก็ได้ และยังมีอีกปุ่มสำหรับการใช้งานระบบ VoiceOver อีกด้วย เท่าที่ลองมาก็ยังงงๆ อยู่กับระบบการใช้งานแบบ VoiceOver แต่เชื่อว่าถ้าได้ลองใช้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ยากเย็นอะไร (แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้ามีปุ่มกดให้ใช้แล้วระบบ VoiceOver ก็แทบจะลืมไปได้เลย)



เมื่อได้ลองฟังเพลงด้วยหูฟังประจำตัว (ผมใช้ Bose In-ear Headphone ที่ให้เสียงค่อนข้างนุ่มสบายไม่กระแทก) ก็ได้อารมณ์การฟังเพลงที่ดี สบายๆ เสียงที่ฟังดูรู้สึกเบสจะลดไปนิดหน่อย (รู้สึกไปเองรึเปล่าไม่รู้ว่า iPos shuffle 2G จะให้เบสมากกว่านี้) แต่ไม่ขอเน้นที่ส่วนนี้มากเพราะแต่ละคนก็คงจะมีสไตลืการฟังเพลง ความคิด และรูปแบบการใช้งานหูฟังแตกต่างกันไป

สรุปแล้ว iPod shuffle ที่ได้ลองก็บอกได้คำเดียวว่า คุ้มค่าน่าสนใจสำหรับใช้เป็นเครื่องเล่นแบบพกพาสุดๆ และเหมาะสำหรับคนที่ไม่สันทัดจอแบบ Touch Screen ที่มีใน iPod nano (จะเป็นยังไงนั้นเดี่ยวจะกล่าวถึงต่อไป) โดยการใช้งานของ shuffle เป็นอะไรที่ง่ายมาก และไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่เลย (ยกเว้น VoiceOver ที่อาจจะไม่ค่อยได้ใช้) ซึ่งก็เหมาะมากสำหรับซื้อให้ญาติผู้ใหญ่ หรือใครที่ต้องการเครื่องเล่นเพลงพกพาแบบใช้ง่ายๆ สุดๆ มาประจำตัวใว้ซักเครื่องหนึ่ง

iPod nano
มาต่อกันที่ iPod nano รุ่นที่ 6 (6G) กันบ้าง โดยเครื่องที่ได้มาเป็นสีเงินเช่นเดียวกันกับ shuffle ซึ่งดูรอบๆ กล่องแล้วก็พบว่ามีขนาดใหญ่กว่า iPod shuffle เล็กน้อย โดยตัว iPod nano ก็นอนอยู่ในกล่องขนาดเล็กอย่างสวยงาม เมื่อทำการแกะออกมาดูภายในกล่องก็จะพบกับสาย Cable, หูฟัง และคู่มือเล่มเล็กๆ อยู่ข้างใน


มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง iPod nano ที่ถืออยู่มีในสีเงินเงางามเช่นเดียวกับ shuffle ก่อนหน้านี้ ด้านบนของเครื่องมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่ม/ลด ระดับเสียงอยู่ ส่วนช่องต่อสาย Cable และหูฟังอยู่ด้านล่าง โดยมีสติ๊กเกอร์แปะหน้าจอที่เป็นภาพ OS แบบปลอมๆ ติดอยู่ โดยสามารถลอกออกได้ง่ายดาย เมื่อลองใช้งานดูก็ต้องบอกตามตรงว่า งงเอาเรื่องเหมือนกัน โดยการใช้งานเมนูต่างๆ ยังไม่เป็นไปตามธรรมชาติของนิ้วเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะเป็นปรกติสำหรับใครก็ตามที่พบกับ Interface ใหม่ๆ ก็ต้องมีช่วงเวลาปรับตัวกันนิดนึง




อีกอย่างนึงที่อยากจะพูดถึงคือ การใช้งาน Touch Screen ของ iPod nano พบว่าถ้าคนที่มีนิ้วขนาดใหญ่ น่าจะมีปัญหาในการใช้งานไม่ใช่น้อย โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่มือเล็ก นิ้วเล็กมาก ยังใช้งานได้แบบเก้ๆ กังๆ หน่อยๆ เลยด้วยซ้ำ และยิ่งระบบการหมุนหน้าจอด้วยสองนิ้วที่ขนาดคนนิ้วเล็กอย่างผมยังติดๆ ขัดๆ ก็ไม่อยากนึกถึงคนนิ้วใหญ่ว่ามันจะลำบากขนาดไหน



ในส่วนของการใช้งานทั่วไปพบว่าทำได้น่าตื่นเต้นดีเหมือนกัน โดยการทำงานทั่วไปถือว่าออกแบบมาให้ใช้ได้ง่ายเอาการ แบบว่าคนที่ใช้ครั้งแรกแบบผมก็พอจะจิ้มมั่วได้ว่า จะทำนู่น ทำนี่ต้องไปตรงไหน แต่ติดนิดหน่อยตรงที่เวลาจะกลับไปยังหน้า Home ต้องจิ้มหน้าจอค้างใว้เพื่อให้มันเด้งกลับไปเอง ซึ่งตรงนี้รู้สึกว่าต้องจิ้มค้างใว้นานเกินไปหน่อย ทำให้แอบรู้สึกว่า “ตกลงมันจะกลับหน้า Home มั้ยเนี่ย?” อยู่หลายครั้งเหมือนกัน
อีกอย่างหนึ่งที่เคยพูดไปแล้วเรื่องความเบาของตัวเครื่อง ที่เรียกได้ว่าเบามากๆ ซึ่งอันนี้ขอให้ไปลองจับดูเองได้ เพราะอธิบายไม่ถูกจริงๆ :p
สรุปแล้วสำหรับ iPod nano ก็ต้องบอกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่อยากลองของใหม่ ประสบการณ์ใหม่ๆ ในการฟังเพลงแบบพกพา เพราะเปรียบเหมือนการเอา iPod shuffle มาปรับแต่งให้ดูอลังการ มีลุกเล่นต่างๆ เพิ่มขึ้นมากมาย และการควมคุมแบบใหม่ๆ ที่ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ
แถมท้ายใว้ด้วย iPod nano เวอร์ชั่นนาฬิกาข้อมือ ก็ลองจินตนาการกันดูเอาเองว่าถ้ามีสายนาฬิกาจะออกมาเป็นยังไง (เป็นไงล่ะ! บอกแล้วว่าข้อมือผมเล็กมาก :p)


iPod touch
มาต่อกันที่พี่คนโตอย่าง iPod touch ผู้หักปากกาเซียนทุกสำนักด้วยกล้องด้านหลังความละเอียดไม่ถึงล้านเครื่องนี้ ต้องบอกก่อนว่าเครื่องที่ได้ไปลองวันนั้นเรียกได้ว่า เหลือตัวเดียวทั้งร้าน! (ขายดีอย่างกับแจกฟรี) โดยกว่าจะถ่ายได้แต่ละทีก็ต้องรอผู้คนที่แวะผ่านไปมาเข้ามาลองชมลองเล่นกัน อยู่ตลอด ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าเจ้า touch นี่มันสุดยอดเนื้อหอมเลยจริงๆ
เนื่องด้วยตอนนั้นเครื่องยังไม่ว่าง เราจึงมาดูกล่องเปล่าๆ ของ iPod touch กันก่อนเลยแล้วกัน :p โดยกล่องมาแบบบางๆ ภายในมีอุปกรณ์มาตรฐานทั่วไปคือ สายเคเบิล, หูฟัง, และคู่มือ บรรจุอย่างสวยงาม

จากนั้นเจ้า iPod touch ก็มีคิวว่าง ส่งตรงมายังมือผมเสียที จึงจับถ่ายรูปพร้อมกล่องอีกซักช็อตสองช็อตพอเป็นพิธี โดยอยากให้ดูด้านข้างด้วยว่ามันบางได้ใจขนาดไหน


จากที่ผมเคยได้ลองเล่นมาบ้างแล้วในวันเปิดตัวที่เกษร ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกันมาก เพียงแต่ได้มีเวลามั่วเอง เล่นเองมากขึ้นหน่อย โดยที่ผมสงสัยคือจะโทร FaceTime ต้องทำอย่างไร เพราะรอบที่แล้วดูไม่ทัน ก็พบว่าจะมี Icon FaceTime โดยเฉพาะอยู่ และเมื่อเข้าดูก็จะพบ Interface เหมือนหน้า List รายชื่อของ iPhone แต่จะเปลี่ยนจากการโทรออกปรกติเป็นการโทรด้วย FaceTime แทน

เมื่อผมลองทดสอบด้วยการโทรไปหา iStudio by graphicscan อีกสาขาหนึ่งด้วยความตื่นเต้นสุดๆ เพราะว่าไม่รู้ว่าเมื่อโทรติดแล้วจะพูดว่าอะไร ยังไงดี (ไม่ทันคิด กดไปแล้ว!) และทันใดนั้นเอง!….ก็พบว่า…..ไม่มีใครรับสายซักคน…เอวังกันไป… (เศร้า…T-T)
เอาน่ะ เมื่อไม่รับเราก็อย่าได้แคร์ ผมจึงไล่ทดสอบส่วนอื่นๆ ที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูในงานเปิดตัว โดยเริ่มจากการเอียงจอในมุมต่างๆ ซึ่งครั้งนี้ถ่ายวิดีโอมาให้ดูด้วย โดยจากที่เห็นก็คือ เมื่อเราเอียงจอไปในมุมต่างๆ สีก็จะมีผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อย และถ้าเราเอียงมากๆ สีจอก็จะออกฟ้าๆ ดูเศร้าใจกันไปเลยทีเดียว



จากนั้นผมจึงหันไปทดสอบการถ่ายวิดีโอที่กล้องด้านหลัง ซึ่งก็พบว่าสามารถถ่ายในสภาพแสงต่างๆ ได้ดี โดยทดสอบด้วยการหมุนกล้องไปรอบๆ ร้านซึ่งมีสภาพแสงต่างๆ กันไปในแต่ละจุด กล้องก็ปรับแสงของวิดีโอตามได้ค่อนข้างดี นับว่าสอบผ่านในระดับหนึ่ง ส่วนกล้องถ่ายรูปปราบเซียนทางด้านหลังผมก็ได้ทดสอบด้วยการถ่ายภาพนิ่งแล้ว Import ลง Mac ดู ได้ภาพที่มี noise ค่อนข้างเยอะและ แตกกระจุยเอาการเหมือนกัน อ้อ! ลืมบอกไปว่า iPod touch สามารถใช้ระบบ Tab to Focus ตอนจะถ่ายภาพได้เช่นเดียวกับ iPhone อีกด้วย ล่าสุดมีคนทักมาว่า กรอบสี่เหลี่ยมที่ขึ้นมาตอนแตะที่จอเอาใว้ปรับ expose ของภาพครับ (น่าจะเป็นการเลือกจุดวัดแสง) ขออภัยในความผิดพลาดครับ :p

ระหว่างที่กำลังถ่ายภาพ iPod touch อยู่นั้น ผมก็ได้แว๊บไปแว๊บมาแถวร้าน โดยวาง iPod touch อยู่บนโต๊ะกลางร้าน และเมื่อกลับมาที่น้อง touch อีกครั้งก็พบหน้าจอดังภาพ

แหม! ทีโทรไปไม่เคยสนใจ ถึงได้ Miss Call มาง้อล่ะสิ จ้างให้ก็ไม่โทรกลับหรอก! เชอะ! …เปล่าครับ… ผมไม่ได้ขี้งอนเหมือนนางร้ายในทีวีไทยที่เราเห็นกัน แต่เป็นเพราะผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดีเมื่อ FaceTime ติดที่ iStudio สาขานู้นต่างหาก จึงไม่ได้โทรกลับ :p
มาดูที่หน้าจอ Retina Display กันบ้าง ผมได้ถ่ายรูปแบบใกล้ๆ มาให้ดูกัน ซึ่งจากรูปก็จะเห็นเลยว่า จอภาพคมกริบ ไร้รอยต่อและเม็ดพิกเซลใดๆ ให้ได้เห็นเลยทีเดียว (ไม่ต้องตกใจที่จอมันออกสีฟ้าๆ หน่อย เพราะมันเป็นที่การตั้งค่ากล้องของผมครับ จอจริงๆ สีปรกติดี)

มาสรุปกันเลยดีกว่า สำหรับ iPod touch รุ่นใหม่นี้ โดยต้องบอกเลยว่า คุ้มค่ามาก เพราะด้วยราคาไม่ถึงหมื่นบาท แต่ให้ความสามารถแบบเต็มๆ ทั้ง FaceTime, การถ่ายวิดีโอ, หน้าจอ Retina Display และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่า หากคุณไม่ได้กำลังจะซื้อ iPhone 4 มาใช้เป็นเครื่องหลัก iPod touch นี่แหละครับคือคำตอบของเครื่องเล่นไฟล์มัลติมีเดียประจำตัวคุณ
ขอขอบคุณ iStudio by graphicscan

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น